7 ธ.ค. 2554

ดอยอินทนนท์ โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ


ตอบคำถามเรื่องที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับที่ดอยอินทนนท์
ท่านบอกให้เอาเข็มทิศวัดไปจากเครื่องเรดาร์ตรงไปทางทิศเหนือครึ่งกิโลเมตร ประทับอยู่ตรงนั้นพอดี เสด็จมา 3 ครั้ง ก็ประทับตรงนั้นแหละ ท่านมาพักกับพระอรหันต์อีก 4 องค์ มีพระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร พระมหากัสสป พระมหากัจจายนะ และพระอานนท์ พระอานนท์ตอนนี้ ยังไม่เป็นพระอรหันต์ แต่ว่ามาได้เพราะ เป็นพระอภิญญา เมื่อมาพักตรงนี้ ที่ตรงนี้จึงถือว่า เป็นมงคลใหญ่ เสด็จมาโปรด แถวจอมทอง 3 ครั้ง แล้วก็บอกว่า จะไม่มาอีก เพราะที่นั่นมีพระอรหันต์ขึ้นแล้ว ต่อไปมีแต่ พระสาวกจะมาแทน องค์ที่มาบ่อย คือ พระมหากัสสป ท่านธุดงค์มาถึงที่นี่ เล่นกับท่านได้รึ พระปฏิสัมภิทาญาณ ชวนลูกน้อง เดินแค่ 2-3 นาทีก็ถึง 

 
เทวดาที่รักษาดอยอินทนนท์ เวลานี้ องค์ใหญ่ที่สุดชื่อ จันทรเทพ เรียกย่อ ๆ ว่า เทวดาจันทร์ ก็แล้วกัน ท่านอยู่ชั้นมายา แต่องค์แทนน่ะ ใครก็ได้นะ มีลูกน้องเยอะ เทวดาตัวจริง ที่รักษาเฉพาะ ตรงที่พระพุทธเจ้าประทับ ไม่ว่าจะประทับที่ไหน ชื่อ มหาสักขา มีศัดกาใหญ่อำนาจมาก ท่านเป็นเจ้าของแดน 
เทวดาจันทร์รูปร่างขาวใหญ่ สวย ใจดี ตะกี้นี้อยู่ตรงนี้ตลอด ท่านเล่าว่า สมัยพระพุทธเจ้ากัสสป ทรงอุบัติขึ้นในโลก พวกเราตั้งดินแดนอยู่ที่นี่ ความจริงดินแดนของฉันจริง ๆ 

เดิมตั้งอยู่ที่ลำพูนนี่ เป็นเมืองเล็กๆ เขตกินไปถึงเมืองลพบุรี ตอนนั้นยังเป็นชายทะเลอยู่ 
แล้วไปถึงนครปฐม พ่อเมืองใหญ่ชื่อ ศรีธรรมวราบดี คือ พระอินทร์องค์ปัจจุบัน 
พระบรมราชินีชื่อว่า ศิริจันทราราชเทวี คือ พระชายาองค์ ปัจจุบันของพระอินทร์ 
แล้วลูกเมืองก็ชื่อ ศรีทรงธรรม กับ พรรณวดีศรีโสภาค อาณาจักรข้างเหนือ ไปยันเชียงตุง ยันนะ 
ไม่ใช่เล็กเหมือนกัน อีกเมืองหนึ่ง ราชาช้าง กินตั้งแต่ เชียงตุง ถึง อิมพัน ในเขตอินเดียโน่น 
เวลานั้นชื่อพระเจ้าธรรมเสนา พระบรมราชินีชื่อว่า พระนางอินทรมหาปชาบดี
แล้วอีกเมืองหนึ่งชื่อว่า ปทุมวดี พระชายาชื่อ แสนหวี จำสร้อยไม่ได้ ถามว่าทำไมจึงชื่อ แสนหวี 
ตอบว่า มีหวีมาก เรื่องหวีนี่เลือกจริงๆ ยายคนนี้มีหวีเป็นกรุเลย จะไปงานโน้นต้องหวีชนิดนี้ ไปงานนี้ต้องหวีชนิดนั้น อันนี้เขากินเขตแดนต่อไปถึงญวนทั้งหมด 
 
สามเมืองนี้เป็นพันธมิตรกัน มีอะไรก็ช่วยกัน ส่วนมากก็ทำการค้าขายกับกสิกรรม 2 อย่าง เป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก มีความเป็นอยู่เป็นสุข โดยมากอยู่กันโดยธรรม ไม่รุกรานใคร แต่ทว่า มีพวกแขก อาบังนี่น่ะ อยู่ต่อจากอิมพันออกไป พวกนี้นิสัยไม่ดีเกกมะเหรก ถือว่า มีพวกมากกว่า ก็จะมารุกราน เรียกว่า ชาวปาฐะ เมื่อมันโกงเรา ก็รวมกันสู้ตีกันไป มันสู้ไม่ได้ เราก็ยึดเรื่อยไป พอตีแดนนี้หมด เลยได้เครื่องจักรพรรดิ คราวนี้เลยไม่ต้องตี เหาะได้แล้ว ทีนี้ใคร ๆ ก็มาขอขึ้น 
ท่านบอกว่า การเกิดชาตินี้ เป็นการชำระกรรมครั้งสุดท้าย ของพวกนี้ทั้งหมด คือ พวกถวายเครื่องประดับ กับพระพุทธเจ้านี่แหละ จากชาตินี้ก็ยกล้อกันแล้ว คือ ตายไปแล้วไปเป็นเทวดาบ้าง เป็นพรหมบ้างบางคน ก็จะไปนิพพานในชาตินี้บ้าง พวกที่ไปเป็นเทวดา เป็นพรหมน่ะ เกิดอีกชาติเดียวก็นิพพานไม่มีเหลือ เพราะ อำนาจการถวายเครื่องประดับเป็นพุทธบูชา


ที่มา : หนังสือเรื่องจริงอิงนิทาน (เล่าเมื่อ 30 ธันวาคม 2516)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น