24 พ.ย. 2554

พระอริยเจ้าได้กล่าวถึง หลวงตามหาบัว

"ในอนาคตเบื้องหน้า  พระมหาบัวผู้นี้จักทำประโยชน์ใหญ่ให้แก่ประเทศชาติและพระศาสนา..!!!!"
(พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ พระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานกล่าวพยากรณ์ไว้เมื่อพ.ศ. 2482)







"ท่านมหา...ท่านมหา..ขอใส่บาตรหน่อย"(พระอาจารย์มั่น กล่าวพร้อมกับลุกขึ้นมาใส่บาตรให้หลวงตามหาบัวสมัยอยู่ที่บ้านหนองผือด้วยมือของท่านเอง   หรือที่สุดบางคราวท่านพระอาจารย์มั่นก็กรุณาเอา"ผ้าที่ท่านห่มพร้อมดอกไม้ธูปเทียน"ไปทอดผ้าบังสุกุลให้ถึงที่จำวัดของหลวงตามหาบัวด้วยเมตตาอันหาที่เปรียบมิได้เลยทีเดียว..!!!!!) 






"ท่านมหาบัวนี่แหละ ที่จะเป็นที่พึ่งของหมู่คณะในวันข้างหน้านะ.."(พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ)





"ในยุคบ้านหนองผือ พระอาจารย์มหาบัวลึกซึ้งมากทุกวิถีทาง ท่านพระอาจารย์มั่นไว้ใจมากกว่าองค์อื่นๆในกรณีทุกๆด้าน.."(หลวงปู่หล้า เขมปัตโต วัดภูจ้อก้อ มุกดาหาร)





 
 "หลวงตามหาบัวเป็นพระอรหันต์ร้อยเปอร์เซ็นต์ พันเปอร์เซ็นต์..!!!!"
(หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม สุพรรณบุรี)




"หลวงตามหาบัวเป็นพระอรหันต์อันดับหนึ่งของประเทศไทย เพราะมีบารมีมากเหนือใครๆ ฤทธิ์ก็เยอะนะ..!!!!!"(หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม สุพรรณบุรี)




"บุญอะไร ก็ไม่เท่าบุญที่ทำกับหลวงตามหาบัว...""เสียดายที่โยมพ่อโยมแม่ของอาตมาตายไปเสียก่อน หาไม่แล้ว จะต้องให้มาทำบุญกับหลวงตาเสียเลยทีเดียว..!!!!"(หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม สุพรรณบุรี)




"สิ่งที่หลวงตามหาบัวทำ ถูกต้องทุกอย่าง อาตมาไม่มีข้อสงสัย..ให้ทำตามหลวงตาให้หมด"(หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม สุพรรณบุรี)





"ในยุคนี้ ไม่มีใครเกินหลวงตามหาบัว..!!!!"(หลวงพ่อแนน สุภัทโท วัดซำขาวถ้ำยาว จ.ขอนแก่น)




"พระนักเทศน์ ใครๆก็รู้จัก..."หลวงปู่สาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก สุรินทร์



"ผมยอมท่านอาจารย์(หลวงตามหาบัว) ดูลักษณะท่าทางนี่ไม่ผิดกับท่านอาจารย์มั่น  ผมจับได้หมดเลย ผมเคารพสุดยอด!!!!"หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท วัดป่าภูริทัตปฏิปทาราม ปทุมธานี





"ให้รีบไปกราบหลวงตามหาบัวเสียไวๆที่สุดเถิด เพราะหลวงตาท่านเข็นสังขาร(ต่ออายุ)มาให้นานถึง 10 กว่าปีนี่แล้วน๊ะ!!??!!"พระอาจารย์แบน วัดดอยธรรมเจดีย์ สกลนคร(กล่าวกับศิษย์ตอนหลวงตามหาบัวเจริญอายุได้ 90 ปี)
หมายเหตุ ,1. เป็นที่ทราบกันวงในว่า แท้จริงนั้น หลวงตามหาบัวท่านหมดอายุขัยตั้งแต่ตอนที่ท่านอายุได้ 80 ปีแล้ว  โดยช่วงนั้น หลวงตามหาบัวอาพาธหนักมาก(มะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 4 ) และสั่งให้เตรียมสร้างเมรุเพื่อปลงสังขารของท่านเองที่วัดป่าบ้านตาดไว้เรียบร้อยแล้วด้วย   แต่พอดีช่วงนั้น(พ.ศ. 2540) ประเทศไทยกำลังประสพวิกฤติเศรษฐกิจอย่างหนัก ใกล้ล้มละลายเต็มที  หลวงตามหาบัวสงสารลูกหลานไทยว่าจะถึงความพินาศวอดวายกันหมดทั้งชาติไปเสียเปล่า ท่านเลยต้องเจริญ"อิทธิบาทภาวนา" ต่ออายุองค์ท่านเองด้วยกำลังฌาณและอรหันตฤทธิ์ที่ทรงอานุภาพอย่างเยี่ยมยอด จนสามารถระงับยับยั้งอาการอาพาธ(มะเร็งขั้นสุดท้าย)ให้สงบราบคาบได้เหมือนปลิดทิ้ง อีกทั้งยังมีกำลังวังชาแข็งแกร่งเหมือนมิได้เป็นอะไรมาก่อนออกบิณฑบาตทองคำและดอลล่าร์ เพื่อ"ช่วยชาติ"ให้พ้นจากหายนภัยจนประสพผลสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติสยาม โดยได้ทองคำเข้าคลังหลวงถึงกว่า 10 ตัน และเงินดอลล่าร์อีก 10 ล้านดอลล่าร์ ดังเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไปแล้วนั่นเอง...
                                   2. ตอนนี้ หลวงตามหาบัว ท่านมีอายุได้ "95" ปีแล้ว นี่ก็เท่ากับว่า หลวงตาท่าน"ยืดอายุโปรดโลก"มานานถึงกว่า "15" ปีแล้ว จึงนับเป็นพระคุณและวาสนาล้นเหลือแก่ผู้ที่ปรารถนาจะได้พบได้เห็นได้กราบได้ไหว้และได้ทำบุญกับ"อัครอรหันต์"ผู้ซึ่งทำประโยชน์ใหญ่ให้กับประเทศชาติและพระศาสนาด้วยฤทธิ์และบุญบารมีอันสูงสุดดุจนี้อย่างแท้จริงเลยทีเดียว



"เมตตาของหลวงตามหาบัวที่ได้ออกมาทำโครงการผ้าป่าช่วยชาตินั้น เปรียบเสมือนกับผืนแผ่นฟ้าที่ห่มคลุม(ปกป้อง)แผ่นดินไทยไว้ทั้งหมดเลยทีเดียว..!!!!!"
สมเด็จพระญาณสังวร  สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร




"ถ้าไม่(ทรงคุณธรรม)"ถึงขั้น"จริงๆแล้วละก็ จะถามปัญหาแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ..!!?!"หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ กล่าวชมหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนในการสนทนาถามปัญหาธรรมครั้งหนึ่ง







"หลวงตามหาบัวเคยเล่าให้หลวงตาพุธฟังครั้งหนึ่งว่า....
แต่ก่อนนั้น หลวงตาอยากเป็นพระ  เมื่อได้บวช ก็เป็นพระสมใจแล้ว
ต่อมา หลวงตาอยากเป็นพระมหา สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ก็ได้ชื่อว่า"มหาบัว"สมดังปรารถนาแล้ว
ต่อมาอีก หลวงตาอยากเป็นพระนักปฏิบัติ ก็ออกธุดงค์วัตรปฏิบัติธรรม ก็ได้ชื่อว่าเป็นพระนักปฏิบัติแล้ว
ครั้นสุดท้าย หลวงตาอยากสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ก็ตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างเต็มกำลัง
แต่...คราวนี้ "ความอยากเป็นพระอรหันต์"ไม่รู้หายไปไหนหมดแล้ว...!!??"






หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ก็สรุปในตอนสุดท้ายว่า"นี่แหละ ท่านผู้เป็นพระอรหันต์ หมดอาสวกิเลสแล้วอย่างแท้จริง ย่อมเป็นอย่างนี้นี่แล!!!!!"
หมายเหตุ, เรื่องหลวงตามหาบัวตอนนี้ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน นครราชสีมาได้เคยเล่าให้ได้ฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่หลายวาระด้วยกันก่อนที่ท่านละสังขาร เหมือนจะแสดง"ความนัย"บางประการให้ปรากฏ  เห็นมีเนื้อหาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงขอนำมาเผยแพร่ ณ. ที่นี้ เพื่อให้ได้ร่วมอนุโมทนาเป็นมหากุศลทั่วกันทีเดียว





"อรหันต์เหมือนกัน แต่ก็ไม่เหมือนกัน(บารมี)....!!!!""จากนี้ไป  ต่อให้เกิดอีกสิบชาติร้อยชาติ ลูกหลานทั้งหลายก็ไม่มีทางที่จะเจอพระอรหันต์(ที่มีบารมีล้นฟ้า)อย่างหลวงตามหาบัวอีกแล้วนะ ให้รีบไปทำบุญกับท่านไวๆเถิด ประเสริฐที่สุดแล้วจริงๆ!!!!!"พระอริยะสายกรรมฐานองค์สำคัญที่หลวงปู่เจี๊ยะ วัดป่าภูริทัตตปฏิปทารับรองว่า "มีพลังจิตเทียบเท่ากับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร"(ขอสงวนนาม)กล่าวกับศิษย์ใกล้ชิดไว้ครั้งหนึ่ง



ท่าน ก.เขาสวนหลวงยกย่องหลวงตามหาบัว

สายสัมพันธ์ในธรรม..ของท่านมิได้จำกัดในหมู่เพื่อนบรรพชิตเท่านั้น....
มีฆราวาส จำนวนมากที่สนใจประพฤติปฏิบัติธรรมและสำหรับผู้ที่มีความมุ่งมั่นจริงจังไม่ว่าเพศภูมิใด ย่อมประจักษ์ผลแห่งธรรมภายในใจ....ขึ้นเป็นลำดับๆ ไป นักภาวนาหญิงหรือชาย นั้นจะให้เหตุผลแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไรหลวงตาท่านเคยได้ให้เหตุผลว่า
"........การปฏิบัติไม่มีเพศ เรื่องมรรคผลนิพพานแล้วไม่เพศ 
เหมือนกับกิเลสไม่มีเพศ มีได้ด้วยกันทั้งนั้น ความโลภก็มีได้ทั้งหญิงทั้งชาย
ความโกรธ ความหลง ราคะ ตัณหา มีได้ด้วยกัน
มัชฌิมาปฏิปทา จึงมีได้ทั้งหญิงทั้งชาย เป็นเครื่องแก้กิเลสทั้งหลาย
แก้ได้ด้วยกันทั้งนั้น ด้วยอำนาจความสามารถ ของตนแล้ว มีทางหลุดพ้นได้ด้วยเช่นเดียวกัน..."
ด้วยเหตุนี้เองเมื่อโอกาสอำนวย...ท่านจะไปเยี่ยมเยียนถึงสำนักผู้ปฏิบัติธรรมเหล่านั้นเสมอ ... เช่น สำนักชีบ้านห้วยทราย ของคุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ สำนักปฏิบัติธรรมเขาสวนหลวงของอุบาสิกากี นานายน ในตอนนี้จะขอเล่าถึงตอนที่ท่านแวะเยี่ยมสำนักปฏิบัติธรรมเขาสวนหลวง ดังนี้

ท่านเคยได้ยินกิตติศัพท์ชื่อเสียงของคุณยาย ก. เขาสวนหลวง มานนานแล้วว่าเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบควรแก่การเคารพกราบไหว้ แต่มีข้อประหลาดใจอยู่อย่าง หนึ่งคือ เขาว่ากันว่าคุณยายเป็นคนไม่เอาพระ คือไม่ต้อนรับพระ สิ่งนี้จึงทำให้หลวงตาฯ อยากรู้ว่าเป็นจริงหรือ ?
หรือว่ามีเหตุผลด้วยประการใดกันแน่ เพราะหากเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจริงๆ แล้ว ลักษณะเช่นนี้ไม่น่าจะมีทางเป็นไปได้ ท่านจึงไม่อยากเชื่อข่าวลือนี้นัก

เหตุนี้เอง เมื่อมีจังหวะมาถึงในคราวท่านมากรุงเทพฯ เพื่อดูแลอาการอาพาธของท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) ชึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านเองที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อได้โอกาสอันควร ท่านจึงได้ไปเยี่ยมเยียนคุณยาย ก. ถึงสำนักฯ เขาสวนหลวง จ.ราชบุรี ด้วยตนเองเลยทีเดียว...

พอเข้าไปถึงสำนักเท่านั้น ไม่นานก็มีเสียงระฆังเคาะดังกังวานขึ้น เรียกให้สตรีนักปฏิบัติธรรมทั้งหลายพากันหลั่งไหลมากราบท่าน และให้การปฏิสันถารต้อนรับ เป็นอย่างดี โดยมีคุณยาย ก.เป็นหัวหน้าอยู่ ณ ที่นั้นด้วย
หลังจากสนทนาพูดคุยกันได้ไม่นาน คุณยายกราบอาราธนานิมนต์ให้หลวงตาฯ แสดงธรรมแก่เหล่าอุบาสิกานักปฏิบัติธรรมทั้งหลายท่านจึงแสดงธรรมเน้นเรื่องจิตภาวนาเป็นสำคัญ...
ทราบว่าหลังการแสดงธรรมคุณยายถึงกับประกาศขึ้นด้วยความอาจหาญในธรรมปฏิบัติของคุณยายเองแก่บรรดาลูกศิษย์ในสำนักว่า 

"ธรรมที่ท่านอาจารย์ได้แสดงให้ พวกเราฟังนั้น สามารถยึดถือเป็นหลักประพฤติปฏิบัติได้ถูกต้องไม่มีผิดพลาด แม้เปอร์เซ็นต์เดียว"
เหตุการณ์ในครั้งนั้น เป็นที่ประจักษ์แก่ตัวท่านเอง ดังคำกล่าวที่ท่านเล่าให้ผู้มากราบเยี่ยมคณะหนึ่งฟังว่า

"ที่ว่าคุณยายไม่ต้อนรับพระนั้น หมายถึง พระประเภทโกโรโกโสไม่ได้เรื่องได้ราวต่างหาก ถ้าเป็นพระเคารพธรรมเคารพวินัยคุณยายท่านก็ไม่เป็น ....จะว่าอะไร  แม้แต่เราเองก็ไม่ต้อนรับพระประเภทนั้นเหมือนกัน..."


คัดจาก"หนังสือหยดน้ำบนใบบัว หน้า 213 -214 "ประวัติหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน






"เทวดา อินทร์ พรหม ทราบหมดในเรื่องของเรา..!!!!!"หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี










ที่มา : http://www.gmwebsite.com/webboard/Topic.asp?TopicID=Topic-080610095027320

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น