28 พ.ย. 2554

ในหลวงกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ





      “อย่างผมเองผมก็ไม่ไหว ผมเคยคิดว่าใครจะให้ผมเป็นพระเจ้าแผ่นดิน และก็ทำงานอย่าง
พระองค์ 
ให้ผมวันละ ๑๐ ล้าน ผมไม่เอา วันละ ๑๐ ล้านนะครับ ไม่ใช่เดือนละ ๑๐ ล้าน 
นี่ผมไม่เอาหรอก ที่ไม่เอาเพราะอะไร เพราะว่าผมทำไม่ได้” คำกล่าว พระมหาวีระ ถาวีโร
(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)









พระธรรมเทศนาของ พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
ความก็มีอยู่ว่า เมื่อพ.ศ.๒๕๑๘ ปีนั้นหล่อรูปหลวงพ่อปาน ที่วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี 
ท่านหญิงวิภาวดี คือหม่อมเจ้าหญิงวิภาวดี ท่านได้ทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถให้ทรงมาเททอง และตามธรรมดา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 
ถ้าเสด็จไปไหน สิ่งมหัศจรรย์ที่เราไม่คิดจะปรากฏขึ้นเสมอ 
นั่นคือฝนตก อากาศปกติธรรมดาๆ 

ก็ไม่น่าจะมีฝนตก ก็มีฝนตกลงมา แต่เวลาที่ฝนตก ฝนไม่ทำความเสียหายให้แก่งานเลย 

ทุกคนกลับมีความชุ่มชื่น เพราะเวลานั้นเป็นฤดูร้อนมาก คือ เดือนเมษายน 
แต่ว่าพอเวลาใกล้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จมาถึงจริงๆ ฝนก็หายหมด 
ปรากฏว่าคนทุกคนได้รับความชุ่มใจเป็นพิเศษ




อีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญที่สุดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั่นก็คือ
ทรงจิตเป็นฌาณสมาบัติได้ดีเป็นเลิศ ผมขอสรรเสริญพระองค์ 
ความจริงการสรรเสริญของผมนี่ก็คงไม่มีผลตอบสนองเป็นวัตถุ 
ทั้งนี้เพราะผมไม่ต้องการด้านวัตถุ ผมต้องการอย่างเดียวคือ 
พูดตามความเป็นจริง อย่าลืมนะผมพูดถึงเรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เป็นเรื่องเล็กน้อยจริงๆ ถ้าไปเที่ยบกับความดีของพระองค์ล่ะ พรรณากันไม่ไหว 
ส่วนสำคัญ คือ กำลังใจของพระองค์ในการเจริญสมาธิ 
สามารถเข้าฌาน ออกฌานได้ ตามเวลา สำหรับด้านวิปัสสนาญาณนั่น 
ท่านทำถึงไหนผมไม่ทราบ ก็เป็นเรื่องความสะอาดของจิต 
แต่ผมมีความมั่นใจว่าพระองค์มีความสะอาดของจิตมากเหลือเกิน ยากที่จะพูดพรรณาได้





และก็มีคนเขาชอบถามว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นพระอริยเจ้าไหม ? หรือว่า

เป็นพระโพธิสัตว์ ? อันนี้ ผมก็ไม่รู้กำลังใจของพระองค์เหมือนกัน แต่ว่าถ้าดูด้านพระราชจริยาวัตร
ของพระองค์แล้ว
 จริยาวัตรของพระองค์แสดงออกชัดว่าเป็นพระจริยาของพระโพธิสัตว์ 

แต่ผมก็ไม่ยืนยันนะครับ  เพราะผมไม่ใช่พระพุทธเจ้า อันนี้เป็นการสังเกตของผมเอง

คำว่าพระราชาผู้ทรงธรรม อย่าคิดว่าผมยกย่องพระองค์เกินความเป็นจริงนะ 
ผมบอกแล้วนี่ อันดับต้น สังคหวัตถุ ๔ ของพระองค์ครบถ้วน 
ขั้นสุดท้ายกำลังใจสูงส่งในด้านสมถวิปัสสนา และขันติ 
กำลังใจ เมตตาของพระองค์ดีมาก ใครว่าอะไรก็ตาม นินทาอะไรก็ตาม 
ไม่ทรงโต้ตอบ และก็ไม่เคยตำหนิใครว่าชั่ว อันนี้หาได้ยาก 
ถ้ามากไปกว่านี้ ผมคิดว่าเทปอีกสัก ๑๐๐ ม้วน ผมพูดเรื่องของท่านไม่จบ

ก็รวมความว่าวันนั้นเข้าไป พระองค์ทรงแสดงชัดไม่เคยถือพระองค์ 
และผมเองก็เป็นพระป่าพระดง ราชาศัพท์ผมก็ใช้กับเขาไม่เป็น 
ไม่รู้ว่า พระเขาพูดกับพระเจ้าแผ่นดินว่าอย่างไร ผมก็เล่นลูกทุ่งตามปกติของผม 
ท่านถามมาผมก็ตอบไป ผมจำไม่ได้ว่าท่านถามเรื่องอะไรบ้าง มาในช่วงหลังพอจะนึกออก 
ท่านถามถึงภาวะความเป็นไปของชาติและประชาชนในชาติ
เห็นไหมบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณร และญาติโยมพุทธบริษัท 
ท่านไม่ได้ถามว่าพระองค์จะมีความสุข พระองค์เองจะร่ำรวยขนาดไหน 
ไม่ได้เคยปรารภถึงพระองค์เองเลย ทรงปรารภเฉพาะเวลานี้บ้านเมืองมันเต็มไปด้วยความคับแคบ 
บรรดาประชาชนอดอยากยากจนกันมาก ฝืดเคืองมาก ท่านถามว่า
“ต่อไปชาติเราจะเจริญรุ่งเรืองขนาดไหน และจะมีความอุดมสมบูรณ์ขนาดไหน?”
ผมก็ถวายพระพรไป บอกว่า “หลังจากนี้ไปเข้าเขต พ.ศ.๒๕๒๔ บ้านเมืองของเราจะเข้าเขตฟ้าสาง”





ที่มา : palungjit.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น