15 ธ.ค. 2554

ข้อคิดเพื่อชีวิตที่เป็นสุข โดย หลวงปู่พุทธอิสระ



" ชีวิตเปรียบเหมือนฟองคลื่น  เกิดขึ้นแล้วดับไป
  ก็คลื่นลูกเก่าไซร้  ดับไปแล้วกลับมา "



" ลูกรัก...  การที่ลูกยอมให้พลังงาน  และกาลเวลาสูญเสียไป
  ผลที่ได้รับคือ...  ความรู้สึกว่างเปล่าต่อการมีชีวิต "


" ฟ้ามีอายุยืนยาว  ดินมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ 
  เหตุเพราะทั้งสองนั้นไซร้  มิได้อยู่เพื่อตนเอง "


" จงใช้ชีวิต วิญญาณของเจ้า ด้วยความประหยัดสูง
  ต่อเครื่องใช้ทุกสรรพสิ่ง และเต็มเปี่ยมไปด้วยประโยชน์สุด "


" ลูกรัก...  ผู้คนทั้งหลายที่มีชีวิตอยู่วันนี้  ก็เพื่อจะรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ 
  เพื่อให้ได้ในสิ่งที่คาดหวัง  แต่สำหรับพ่อ...มีชีวิตอยู่วันนี้
  มิใช่เพื่อรอให้ถึงวันพรุ่งนี้  ชั่วชีวิตของพ่อ ไม่เคยมีวันข้างหน้าเลย "

" การทุกอย่าง ไม่ว่าจะยากหรือง่าย ทุกข์ทรมานเพียงใด
  ขอเพียงมีความจริงใจ มีจิตคิดจะให้
  เจ้าจักทำมันได้ อย่างง่ายดาย และเป็นสุขที่ได้ทำ "


" พลังงานที่เกิดจากการรวบรวมความรู้สึกนึกคิด 
  ให้ผนึกเป็นหนึ่งเดียวกันกับกายและใจ
  นับว่าเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดในการมีชีวิต "


" ทำชีวิตให้เหมือนการถือแก้วที่มีน้ำเต็ม
  รักษาดุลถ่วงของชีวิต รักษาอารมณ์อย่าให้พร่อง
  ประคับประคองอย่าให้น้ำกระฉอกไปกับความโลภ โกรธ หลง "


" การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต  หรือแม้แต่การฆ่าพระสงฆ์องค์เจ้า
  ยังไม่ร้ายเท่ากับการฆ่าเวลา คือปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไป
  โดยเปล่าประโยชน์ มิได้ทำอะไรให้เป็นแก่นสาร 
  เป็นคุณประโยชน์แก่ชีวิต ส่วนรวม และผืนแผ่นดินที่เราอาศัยอยู่ "


" อุปสรรคและปัญหาทำให้เราฉลาดและรอบรู้มากขึ้น
  รวมทั้งมีพลังมากขึ้นถ้าเราสู้ปัญหา ไม่หนีปัญหา
  ชีวิตคือการต่อสู้ ปัญหาคือการเรียนรู้ ศัตรูคือครูของเรา "


" ชีวิตเรามีศักยภาพ คุณภาพ มากกว่าที่เป็นอยู่
  ชีวิตเรามีความสามารถและศักยภาพมากกว่าที่คิด "


" ชีวิตไม่ใช่การค้นหา ชีวิตคือการกระทำ
  ทำให้เป็นที่รักและภูมิใจของมหาชนและสัตว์ทั้งหลาย
  และสุดท้าย คือการทำให้ชีวิตมีอิสระ "


" เรามีสิทธิ์ที่จะปกป้องชีวิตเราเอง พอๆ และพร้อมๆ กับ
  การปกป้องคนอื่น ชีวิตอื่นๆ "


" การที่เราจะทำตนให้เป็นที่รักของคนอื่น
  เราจะต้องเป็นคนที่มีความจริงใจ จริงจัง จดจ่อ จับจ้อง
  ในทุกงานที่กระทำ ทุกคำที่พูด ทุกสูตรที่คิด ทุกสิ่งประดิษฐ์
  ไร้มายาการ เปิดเผยซื่อตรง เต็มไปด้วยความเอื้ออาทรบริสุทธิ์ "


" ถ้าเมื่อใดเราทำอะไรเพื่อตัวเอง และทำอย่างชนิดที่มอบกาย
  ถวายชีวิต เมื่อเจอปัญหาใดๆ จะรู้สึกว่า ศักยภาพในการคิดมันจะ
  คับแคบ ศักยภาพในการเรียนรู้ การประสานสัมพันธภาพก็จะคับแคบ
  ไม่สามารถจะสื่อหรือมีสัมพันธภาพกับสิ่งแวดล้อมรอบกายได้
  เมื่อเป็นอย่างนี้ ชีวิตเราเมื่อเจอปัญหา เราจะกลายเป็นคนโดดเดี่ยว
  เดียวดาย โดนทอดทิ้ง และสุดท้ายก็ไม่มีใครอยากเข้าใกล้เรา "


" จงมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ของใคร ที่ไหน เมื่อไร และอย่างไร แต่
  จงอย่ามีชีวิตเพื่อตัวเองมากเกินไป
  จนกลายเป็นความคับแคบที่จะเสวนาและสัมผัสนำพากับสังคม "


" งานคือความเบิกบานของชีวิต  มันเป็นแหล่งกำเนิดพลัง
  เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างล้นเหลือ  ที่ลูกจะต้องทะนุถนอม
  และจะยอมสูญเสียมันไปมิได้แม้แต่วินาทีเดียว
  ลูกควรจะรักษาคุณสมบัติของความเบิกบานในชีวิตอันนี้ไว้
  จนถึงที่สุดของการมีชีวิตทีเดียวแหละ "


" การงานและการเรียนรู้ชีวิตนี้เท่านั้น ที่มันจะทำให้เจ้าประจักษ์
  แจ้งในใจ ในคุณค่าของความเป็นมนุษย์ "


" หากลูกทำงานและดำเนินชีวิตด้วยความเอาใจใส่
  อย่างรู้เนื้อรู้ตัวต่อเนื่อง การดำเนินชีวิตและการเคลื่อนไหวใน
  ความคิดของลูก ก็จะงดงาม ราบรื่น
  ความรู้สึกนึกคิดของลูก จะมีแต่ความชัดเจนเป็นระบบ
  ชีวิตและการงานก็จะเพิ่มพูนด้วยประสิทธิภาพ "


" ประสบการณ์ตรงมีค่ามากกับการทำงาน
  ประสบการณ์ตรงย่อมให้ประโยชน์มากว่าความรู้ที่ท่องจำ
  ประสบการณ์ตรงย่อมให้คุณลักษณ์ที่ดีกว่าการได้ยิน
  หรือการบอกเล่า ถ่ายทอดสู่กันฟัง
  เพราะฉะนั้นการทำชีวิตให้ถึงประสบการณ์ตรง ก็คือการแสวงหา
  ความรู้รอบกายก่อน
  จากต้นไม้ใบหญ้า จากการสัมผัสดินฟ้าอากาศ จากเสียงนกร้อง
  จากกิริยาอาการของสัตว์ที่อยู่ใกล้ๆ "


" งาน เป็นวิถีทางอันมีคุณค่า สำหรับการแสวงหาความสุขใจ
        อย่างลึกซึ้งในการมีชีวิต
  งานเป็นแหล่งให้กำเนิดความเจริญงอกงาม
  งาน เป็นโอกาสให้คนได้พัฒนาศักยภาพ ของร่างกายและ
        จิตวิญญาณได้อย่างดีเยี่ยม
  งาน ทำให้เพิ่มโอกาสได้เรียนรู้ เรื่องชีวิตและวิญญาณได้
        อย่างมากมาย
  งาน เป็นกระบวนการเสริมสร้างความกล้าแกร่ง อดทน อดกลั้น
        ให้เพิ่มพูนมากขึ้น
  งาน ทำให้เกิดความรัก ความเมตตา อาทร ต่อเพื่อนร่วมงาน
        ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย
  งานคือ เครื่องแสดงให้เห็นถึงสาระและความหมายของชีวิต
  งานทำให้เกิดความผูกสมัครสมานสามัคคีในการอยู่ร่วมกัน
  งาน ทำให้เราได้เห็นตัวตนแท้ของสัจธรรม ตามคำสอนของ
        พระศาสนาได้อย่างถูกต้อง
  เป็นคำสอนที่ว่า ให้เรารู้จักทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ทางดับทุกข์
  และรู้ข้อปฏิบัติให้ถึงทางดับทุกข์
  ชีวิตคือการงาน การงานคือการมีชีวิต มันเป็นหนึ่งเดียวของกัน
  และกันได้เช่นนี้ "


" การมีชีวิตโดยปราศจากการทำงาน มันทำให้เราถอยห่างออก
  จากแก่นสารของชีวิต
  การปฏิเสธที่จะใช้พลังที่มีอยู่ในตนไปทำงาน เท่ากับว่า
  เจ้าได้ลดคุณค่าของตัวเจ้าเอง "


" ถ้ามีชีวิตอย่างไร้สรรพสิ่ง มีชีวิตอย่างปฏิเสธสรรพสิ่ง และ
  ไม่เข้าใจสรรพสิ่ง
  ไม่รู้กติกาของความพึ่งพิงอิงแอบอาศัย ของกันและกันในสรรพสิ่ง
  ถือว่าเป็นเรื่องของคนสิ้นคิด เป็นชีวิตที่ทำลายสรรพสิ่ง และ
  เป็นชีวิตที่ไม่มีชีวิต "


" ความมั่นใจในการเรียนรู้ และการรู้จักตนเองนี้ จะช่วยให้ลูก
  สามารถควบคุมกำหนดทิศทาง และเป้าหมายของชีวิตลูกได้ "


" การที่ลูกแยกตนออกจากธรรมชาติอันแจ่มใสของจิตใจ
  มันจะทำให้เจ้าเสียรากฐานที่แท้จริงของชีวิตเจ้าไป
  ซึ่งมันจะทำให้ลูกรู้สึกหวั่นไหว ไม่มั่นคง และลูกก็จะเริ่มรู้สึกว่า
  ชีวิตว่างเปล่า ไร้คุณค่า เมื่อลูกไม่สามารถดื่มด่ำกับความอิ่มเอิบ
  จากการรู้จักตนเองได้อย่างแท้จริงแล้วละก็
  ลูกก็มักจะมุ่งหาผู้อื่นหรือสิ่งอื่น เพื่อทำให้ลุกสบายใจหรือเป็น
  สุข  ซึ่งพ่อถือว่า มันเป็นการแสวงหาโดยมิจบสิ้น "


" ลูกรัก เจ้าจักรู้หรือไม่ว่า เจ้าสามารถเป็นผู้กำหนด
" ชีวิตเปรียบเหมือนฟองคลื่น  เกิดขึ้นแล้วดับไป
  ก็คลื่นลูกเก่าไซร้  ดับไปแล้วกลับมา "

" ลูกรัก...  การที่ลูกยอมให้พลังงาน  และกาลเวลาสูญเสียไป
  ผลที่ได้รับคือ...  ความรู้สึกว่างเปล่าต่อการมีชีวิต "


" ฟ้ามีอายุยืนยาว  ดินมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ 
  เหตุเพราะทั้งสองนั้นไซร้  มิได้อยู่เพื่อตนเอง "


" จงใช้ชีวิต วิญญาณของเจ้า ด้วยความประหยัดสูง
  ต่อเครื่องใช้ทุกสรรพสิ่ง และเต็มเปี่ยมไปด้วยประโยชน์สุด "


" ลูกรัก...  ผู้คนทั้งหลายที่มีชีวิตอยู่วันนี้  ก็เพื่อจะรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ 
  เพื่อให้ได้ในสิ่งที่คาดหวัง  แต่สำหรับพ่อ...มีชีวิตอยู่วันนี้
  มิใช่เพื่อรอให้ถึงวันพรุ่งนี้  ชั่วชีวิตของพ่อ ไม่เคยมีวันข้างหน้าเลย "


" การทุกอย่าง ไม่ว่าจะยากหรือง่าย ทุกข์ทรมานเพียงใด
  ขอเพียงมีความจริงใจ มีจิตคิดจะให้
  เจ้าจักทำมันได้ อย่างง่ายดาย และเป็นสุขที่ได้ทำ "


" พลังงานที่เกิดจากการรวบรวมความรู้สึกนึกคิด 
  ให้ผนึกเป็นหนึ่งเดียวกันกับกายและใจ
  นับว่าเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดในการมีชีวิต "


" ทำชีวิตให้เหมือนการถือแก้วที่มีน้ำเต็ม
  รักษาดุลถ่วงของชีวิต รักษาอารมณ์อย่าให้พร่อง
  ประคับประคองอย่าให้น้ำกระฉอกไปกับความโลภ โกรธ หลง "


" การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต  หรือแม้แต่การฆ่าพระสงฆ์องค์เจ้า
  ยังไม่ร้ายเท่ากับการฆ่าเวลา คือปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดย
  เปล่าประโยชน์ มิได้ทำอะไรให้เป็นแก่นสาร  เป็นคุณประโยชน์แก่
  ชีวิต ส่วนรวม และผืนแผ่นดินที่เราอาศัยอยู่ "


" อุปสรรคและปัญหาทำให้เราฉลาดและรอบรู้มากขึ้น
  รวมทั้งมีพลังมากขึ้นถ้าเราสู้ปัญหา ไม่หนีปัญหา
  ชีวิตคือการต่อสู้ ปัญหาคือการเรียนรู้ ศัตรูคือครูของเรา "


" ชีวิตเรามีศักยภาพ คุณภาพ มากกว่าที่เป็นอยู่
  ชีวิตเรามีความสามารถและศักยภาพมากกว่าที่คิด "


" ชีวิตไม่ใช่การค้นหา ชีวิตคือการกระทำ
  ทำให้เป็นที่รักและภูมิใจของมหาชนและสัตว์ทั้งหลาย
  และสุดท้าย คือการทำให้ชีวิตมีอิสระ "


" เรามีสิทธิ์ที่จะปกป้องชีวิตเราเอง พอๆ และพร้อมๆ กับ
  การปกป้องคนอื่น ชีวิตอื่นๆ "


" การที่เราจะทำตนให้เป็นที่รักของคนอื่น
  เราจะต้องเป็นคนที่มีความจริงใจ จริงจัง จดจ่อ จับจ้อง
  ในทุกงานที่กระทำ ทุกคำที่พูด ทุกสูตรที่คิด ทุกสิ่งประดิษฐ์
  ไร้มายาการ เปิดเผยซื่อตรง เต็มไปด้วยความเอื้ออาทรบริสุทธิ์ "


" ถ้าเมื่อใดเราทำอะไรเพื่อตัวเอง และทำอย่างชนิดที่มอบกาย
  ถวายชีวิต เมื่อเจอปัญหาใดๆ จะรู้สึกว่า ศักยภาพในการคิดมัน
  จะคับแคบ ศักยภาพในการเรียนรู้ การประสานสัมพันธภาพก็
  จะ คับแคบ ไม่สามารถจะสื่อหรือมีสัมพันธภาพกับสิ่งแวดล้อมรอบ
  กายได้ เมื่อเป็นอย่างนี้ ชีวิตเราเมื่อเจอปัญหา เราจะกลายเป็นคน
  โดดเดี่ยว เดียวดาย โดนทอดทิ้ง และสุดท้ายก็ไม่มีใครอยาก
  เข้าใกล้เรา "


" จงมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ของใคร ที่ไหน เมื่อไร และอย่างไร
  แต่จงอย่ามีชีวิตเพื่อตัวเองมากเกินไป
  จนกลายเป็นความคับแคบที่จะเสวนาและสัมผัสนำพากับสังคม "


" งานคือความเบิกบานของชีวิต  มันเป็นแหล่งกำเนิดพลัง
  เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างล้นเหลือ  ที่ลูกจะต้องทะนุถนอม
  และจะยอมสูญเสียมันไปมิได้แม้แต่วินาทีเดียว
  ลูกควรจะรักษาคุณสมบัติของความเบิกบานในชีวิตอันนี้ไว้
  จนถึงที่สุดของการมีชีวิตทีเดียวแหละ "


" การงานและการเรียนรู้ชีวิตนี้เท่านั้น ที่มันจะทำให้เจ้าประจักษ์
  แจ้งในใจในคุณค่าของความเป็นมนุษย์ "


" หากลูกทำงานและดำเนินชีวิตด้วยความเอาใจใส่
  อย่างรู้เนื้อรู้ตัวต่อเนื่อง การดำเนินชีวิตและการเคลื่อนไหว
  ในความคิดของลูก ก็จะงดงาม ราบรื่น ความรู้สึกนึกคิดของลูก
  จะมีแต่ความชัดเจนเป็นระบบ ชีวิตและการงานก็จะเพิ่มพูนด้วย
  ประสิทธิภาพ "


" ประสบการณ์ตรงมีค่ามากกับการทำงาน ประสบการณ์ตรงย่อมให้ 
  ประโยชน์มากว่าความรู้ที่ท่องจำ ประสบการณ์ตรงย่อมให้
  คุณลักษณ์ที่ดีกว่าการได้ยิน หรือการบอกเล่า ถ่ายทอดสู่กันฟัง
  เพราะฉะนั้นการทำชีวิตให้ถึงประสบการณ์ตรง ก็คือการแสวงหา
  ความรู้รอบกายก่อน จากต้นไม้ใบหญ้า จากการสัมผัสดินฟ้าอากาศ
  จากเสียงนกร้อง จากกิริยาอาการของสัตว์ที่อยู่ใกล้ๆ "



" ลูกรัก เจ้าจักรู้หรือไม่ว่า เจ้าสามารถเป็นผู้กำหนด
  แม้แต่สิ่งที่เรียกว่า อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตของชีวิตลูก "


" มีลมหายใจ ได้ชีวิต มีพลัง ใช้พลัง สร้างสรรสาระ
  หมดลมหายใจ ไร้ชีวิต สิ้นพลัง ไร้สาระ นี่คือเรื่องของคนตาย "


" ลมหายใจที่เข้าและออกในตัวลูกนั้น มันมีความหมายและ
  สำคัญต่อตัวลูกมาก เพราะนอกจากจะให้ชีวิตและพลังแล้ว ลม
  หายใจยังให้การเรียนรู้ ให้ความตั้งมั่น ให้ความสำเร็จ ให้ความสงบ
  ให้ความสุข และเป็นบทพิสูจน์คุณค่าของการมีชีวิตอีกด้วย "


" พ่ออยากจะบอกต่อเจ้าว่า ตอนที่เจ้าเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่กำลัง
  หัดเดินและหกล้ม พร้อมกับได้รับความเจ็บปวด ถ้าเจ้าไม่พยายาม
  และเริ่มต้นเดินใหม่ เจ้าก็จะเดินไม่ได้ จนถึงปัจจุบันนี้เป็นแน่ "


" วิถีของเจ้าควรจักเริ่มต้น คือ ทำตนให้ละเอียดอ่อน พินอบพิเทา
  ละเมียดละไม อ่อนน้อมถ่อมตน อ่อนโยน อ่อนไหว แต่มิใช่อ่อนแอ"


" สำหรับพ่อแล้ว ที่ผ่านมาตลอดชีวิต สิ่งที่ไม่มีประโยชน์นั้นยังไม่มี
  มันมีแต่ว่าเราจะใช้มันเวลาไหน กับสถานที่เช่นไร และกับคน
  ชนิดใดเท่านั้นเอง "

 
ที่มา : www.dhamma-isara.org

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น