25 พ.ย. 2554
ข้อธรรม จากหนังสือ "ชาติสุดท้าย หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน"
“…สมบัติอะไรก็ตามในโลกนี้ สู้ธรรมสมบัติภายในใจไม่ได้ สมบัติภายในใจเลิศเลอสุดยอด
ขอเพียงให้ใจกับธรรมได้สัมผัสกัน มันจะแสดงฤทธิ์เดชเป็นที่อัศจรรย์
เมื่อ “หัวใจได้ความสง่างาม” แล้วอยู่ใต้ร่มไม้ร่มใด ภูเขาลูกใด ถ้ำหรือเงื้อมผาแห่งใด
สถานที่แห่งนั้นย่อมพลอยสง่างามตามไปด้วย“สติ” นี่เองจะเป็นกุญแจดอกสำคัญไขไปสู่ประตูพระไตรปิฏกภายใน เพื่อเปิดเข้าไปสู่ประตูพระนิพพาน...”
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจาก คำปรารภ ในหนังสือ ๒๘ พระอรหันต์แห่งกรุงรัตนโกสินธทร์ ๒๕๕๒ : หน้า ๗
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“...ผู้ปฏิบัติจงตั้งสติและปัญญาให้เข้าใกล้ชิดต่อนามธรรม คือขันธ์สี่นี้ ทุกขณะที่ขันธ์นั้นๆ เคลื่อนไหว
คือปรากฏขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป และไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ประจำตน...
ขันธ์ทั้งห้าเป็นบ่อหลั่งน้ำตาของสัตว์ผู้ลุ่มหลงนั่นเอง การพิจารณาให้รู้ด้วยปัญญาชอบในขันธ์
และสภาวะธรรมทั้งหลาย ก็เพื่อจะประหยัดน้ำตาและตัดภพชาติให้น้อยลง ให้ได้รับสุขอย่างสมบูรณ์นั้นเอง…”
ปัญญาอบรมสมาธิ : ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ ปัญญาอบรมสมาธิ (ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์) : หน้า ๒๙-๓๐.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“...จิตที่บริสุทธิ์นี้ฟอกขันธ์ ฟอกธาตุฟอกขันธ์ ฟอกโดยหลักธรรมชาติฟอกอยู่อย่างนั้นแล้วเวลาเข้าที่เดินจงกรม นั้งสมาธิภาวนา จิตส่งเข้าข้างในนี้ยิ่งเป็นการฟอก
ภาวนาเท่าไรก็ยิ่งฟอกเข้าไปเรื่อย ๆ มันสะอาด
ในเวลาตายแล้วอัฐิก็กลายเป็นพระธาตุได้ แต่ถ้าหากว่าท่านอธิษฐานไม่ให้เป็นพระธาตุนี้อาจไม่เป็นนะ
มันก็ไม่แน่นักนะ เพราะจิตของท่านมีอำนาจนี่...”
เพชรน้ำหนึ่ง (๑๓ ตุลาคม ๒๕๓๙) : ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ เพชรน้ำหนึ่ง ๒๕๔๐ : หน้า ๙๔.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“...ไปที่ไหนทุกวันนี้มักจะเทศน์ทางภาวนา เพราะความสงสาร อยากให้ตั้งหลักตั้งเกณฑ์ไว้ใน
จุดภาวนาถึงจะไม่ได้ความแปลกประหลาดอัศจรรย์
การภาวนานี้มีอานิสงส์มากยิ่งกว่าการสร้างบุญทั้งหลายนะ จะได้สร้างสมบุญตลอด
จะรู้เห็นอะไร ไม่เห็นอะไรก็ตาม ส่วนบุญกุศลเกิดขึ้นจากการภาวนา เป็นฐานรากสำคัญ
และมีอานิสงส์มากด้วย
จึงขอให้พากันตั้งอกตั้งใจทำภาวนา บำรุงลำต้นให้ดี กิ่งก้านสาขาดอกใบ จะแตกกระจายออกไป ...”
ภาวนามีอานิสงส์มากกว่าบุญทั้งหลาย : ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ จิตตภาวนา ๒๕๕๒ : หน้า ๕๐
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“...สติเป็นของสำคัญมากในทางความเพียร ถ้าขาดสติวรรคใดตอนใด เรียกว่าขาดความเพียรแล้ว
เดินจงกรมอยู่ไม่มีความหมาย นั่งสมาธิอยู่ก็ไม่มีความหมาย อิริยาบทต่าง ๆ ถ้าขาดสติแล้ว
เรียกว่าขาดความเพียรในการชำระกิเลส มีสติกำกับอยู่เท่านั้น เรียกว่าเจริญภาวนาเพื่อทำจิตให้สงบ...”
ฝากมรดก (วัดแพร่ธรรมาราม) ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๒) : ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ ญาณสันปันโนบูชา ๒๕๕๒ : หน้า ๔๑
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“...ถ้านักบวชเราปฏิบัติตนไม่ได้แล้ว ไม่มีใครจะไปได้อย่างง่ายดาย เพราะนักบวชนี้โอกาสอำนวย
ทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างโลกเขายอมรับหมด ยังถือเป็นสรณะเป็นที่พึ่งที่ยึดที่เกาะอีกด้วย
ถ้าใครมีความเพียรมากมีความเด็ดเดียวอาจหาญทางหลักธรรมหลักวินัยเท่าไร ก็ยิ่งเป็นที่เคารพ
เลื่อมใสของประชาชน ถ้าเราปฏิบัติต่อธรรมเหล่านี้ไม่ได้แล้ว มันก็หมดหนทางที่จะก้าวออกจาก
กองทุกข์ทั้งหลายได้…”
เรื่องของกิเลส (๑๕ สิงหาคม ๒๕๓๗) : ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ อะไรจริงยิ่งกว่าธรรม ๒๕๓๗ : หน้า ๗๑.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“...มัคคาวรณ์ สัคคาวรณ์ (สิ่งกีดขวางสวรรค์ นิพพาน) ไม่มี เพศตั้งขึ้นแล้ว ทางสังคมยอมรับ
กันทั้งธรรมยุติ และมหานิกาย นี่เป็นความยอมรับกันทั่วหน้ากันแล้วในสังคม
ส่วนธรรมวินัยก็เป็นที่เปิดทางให้แล้วสำหรับผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่มีคำว่านิกายนั้นนิกายนี้
ขอให้เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบเท่านั้น เป็นศากยบุตรของพระพุทธเจ้าได้เสมอหน้ากันหมด...”
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ หยดน้ำบนใบบัว พิมพ์ครั้งที่ ๑๕ : หน้า ๑๖๕.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“...เราเป็นนักบวช มีความมุ่งหวังอย่างแรงกล้า มุ่งหน้าต่อมรรคผลนิพพาน
จงเห็นงานประจำเพศและความประสงค์ของตน คืองานเพื่อนิพพาน ว่าเป็นงานจำเป็นเหนือชีวิต
เพราะงานนี้เป็นงานเพื่อไปแล้วไม่กลับมา ผลที่เกิดจากงานนี้คือ วิมุตติ หลุดพ้นไปแล้วหมด
ความวกเวียน โปรดพากันพากเพียรจนสุดกำลังของตน จะต้องเห็นผลเป็นประจักษ์ใจ
ในวันนี้วันหน้าไม่ต้องสงสัย...”
เทศน์ในที่ประชุมสงฆ์ วัดป่าบ้านตาด ๒๑ กันยายน ๒๕๐๕ :
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ ทางร่มเย็น ๑๕๓๗ : หน้า ๑๒๑.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“...ความทุกข์เพราะงานทั้งหลายที่ผ่านมา ไม่มีทุกข์ใดมากยิ่งกว่างานฆ่ากิเลส
งานนี้ยอมรับว่าทุกข์มากจริง ๆ แต่เวลาตีผ่านมันไปแล้ว ไม่มีอะไรที่จะเลิศยิ่งกว่า
พูดง่าย ๆ ก็ว่ามันคุ้มกัน ไม่ได้เสียดายกำลังเลย ที่ร่างกายทรุดโทรมมานี้ผมก็รู้ อย่างท้องเสียเป็นต้น
ผมก็ทราบเรื่องของมัน นิสัยผมมันหยาบและผาดโผนจริงจังกับทุกข์อย่าง ไม่มีคำว่าพอดี
ฉะนั้น เวลาประกอบความเพียรฆ่ากิเลสจึงผาดโผนไปตามนิสัย ไม่งั้นก็ไม่ทันกับความหยาบ
ที่เป็นฝ่ายต่ำของตน...”
ศาสนาคือน้ำดับไฟ (๒๓ กรกฏาคม ๒๕๒๔)
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ ทางพักใจ ๒๕๒๔ : หน้า ๖๙.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“...การฆ่ากิเลสทุกประเภท เราพูดได้อย่างเต็มปากว่า ต้องใช้ปัญญาทั้งมวล
สมาธิเป็นแต่เพียงว่าตะล่อมกิเลสให้เข้าสู่จุดรวมตัว ไม่ฟุ้งซ่านรบกวนใจเท่านั้น
ที่เรียกว่าจิตสงบ ก็คือกิเลสมันนอนก้น เหมือนกับตะกอนนอนก้นโอ่ง นอนกองอยู่ในนั้น
แล้วจะปฏิบัติต่อตะกอนอย่างไรบ้าง นั่นเป็นอีกแง่หนึ่ง นั้นเป็นเรื่องของ ปัญญา...”
นิพพานมิใช่อัตตา มิใช่อนัตตา (๓๐ สิงหาคม ๒๕๒๓)
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ นิพพานคือนิพพาน (ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์) : หน้า ๒๖.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“...นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ ความรักอันเสมอด้วยตนไม่มี นี่เป็นบทธรรมที่ซึ่งมาก
เข้ากันได้กับเจตนาของทุกท่านที่มุ่งมาปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ เพราะความรักตนเป็นเหตุให้
เสาะแสวงอรรถธรรมจากตำหรับตำรา จากครูจากอาจารย์ ได้ทราบข่าวว่าครูอาจารย์องค์ใด
จะเป็นที่ให้ความร่มเย็นเป็นคติเครื่องเตือนใจ เป็นอุบายพร่ำสอนเราได้ ย่อมเสาะแสวงหา
ครูอาจารย์องค์นั้น ๆ เป็นธรรมดาของความรักตน...”
ความรักเสมอตนไม่มี(๑๐ กรกฏาคม ๒๕๒๓)
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ ความรักเสมอตนไม่มี (ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์) : หน้า ๒๖.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“…จวนตายเท่าไรยิ่งเป็นห่วงโลกมากสงสารโลกมาก เป็นอยู่ในหัวใจนี่ ท่วมท้นล้นฟ้าล้น
แผ่นดิน อำนาจแห่งเมตตา
พระพุทธเจ้าท่านสอนโลกสอนด้วยความเมตตาล้วน ๆ ไม่มีโลกามิสอะไรเข้าเจือปนเลย
มันรู้ชัดนี่ รู้ชัดในหัวใจของเราซึ่งตัวเท่าหนูนี่ มันรู้นี่ มันไม่ได้หวังอะไรในโลกนี้ ไปไหนมาไหนไม่ได้
หวังอะไรแหละ หวังแต่หัวใจโลกเท่านั้น สงเคราะห์สงหาไปตามกำลังความสามารถของเรา
ตัวของเราเองเราไม่ได้หวัง เราพอเสียทุกอย่างก็บอกพอ มันพออยู่นี้ประจำจะว่าไง
พอเป็นอนันตกาล นิพพานเที่ยงจะผิดไปไหนเมื่อหัวใจพอแล้ว นิพพานเที่ยงเท่านั้นเอง...”
พูดเสียบ้าง ไม่ใช่คุย (๑๘ ตุลาคม ๒๕๔๐)ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ พูดเสียบ้าง ไม่ใช่คุย (๒๕๔๑) : หน้า ๒๘.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“...ถ้าพูดถึงเรื่องของใจเรา เราก็บริสุทธิ์เต็มที่แล้ว หากิเลสตัวใดมาแทรกไม่มีแล้วเวลานี้
ถึงจะประกาศเป็นว่าเรานี้คือพระอรหันต์ก็จะผิดไปไหนถ้าจะพูด
พระพุทธเจ้ายังพูดได้ ครั้งพุทธกาลยังพูดได้ ธรรมอันเดียวกัน ผู้รู้ผู้เห็นธรรม ธรรมแบบเดียวกัน
ทำไมเราจะพูดไม่ได้ กิเลสตัวไหนจะมาเย็บปากหลวงตามหาบัวให้มาเย็บ
เราจะฟาดให้มันหงายลงไปเลย เราปฏิบัติ เราแทบเป็นแทบตาย เราก็รู้ของเรา ผลเราได้มากน้อยเพียงไรเรารู้ของเรา ความบริสุทธิ์วิมุตติหลุดพ้นเราก็เห็นในหัวใจของเราแล้วจะนำออกมาพูดไม่ได้เหรอ
จะใหเกิเลสเย็บปากหมดเหรอ ไม่เชื่อถือกันหาว่าโอ้อวดหรือ...”
พระอรหันต์แห่งประวัติศาสตร์ (๓ กันยายน ๒๕๔๑)
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ พระอรหันต์ไม่สูญจากโลก (๒๕๔๑) : หน้า ๑๕๓.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“...ฟังให้ชัดเสียท่านทั้งหลายมาฟังธรรมเรา เราปฏิบัติมา ไม่ปฏิบัติมาเพื่อโกหกท่านทั้งหลาย
อะไรในโลกอันนี้จะเหนือธรรมกับใจเป็นอันเดียวกัน นี่ละ เลิศเลออยู่ตรงนี้ นินทา สรรเสริญ โลกธรรม ๘
ไม่มีในจิตของพระอรหันต์ มันตกไปเองเหมือนหยดน้ำลงใบบัว ตกพับไหลกลิ้งไปเลย ๆ
ไม่ขึมขาบกัน นี่ละจิตที่บริสุทธิ์เต็มที่แล้วกับโลกทั้งหลาย...”
ธรรมธาตุ (๒๔ กันยายน ๒๕๕๐) : ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ ธรรมเปิดโลก (๒๕๔๒) : หน้า ๑๑๘-๑๑๙.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“...จิตเป็นธรรมชาติไม่มีกาลสถานที่เป็นเวล่ำเวลา เป็นธรรมชาติที่รู้อยู่ตลอดเวลาฉันใด
สภาพทั้งหลายซึ่งจะเป็นของมีอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเปิดใจออกรับกันแล้ว ทำไมจะรู้จะเห็นไม่ได้ ว่าใจจะหยั่งไม่ถึง มีที่ไหน อะไรจะละเอียดแหลม
คมยิ่งกว่าใจ ขอให้ปรับใจให้ถึงเถิด ไม่เคยรู้ก็รู้ ไม่เคยเห็นก็เห็น
แต่จะพูดออกมาเสียทุกแง่ทุกมุมไม่คำนึงถึงเหตุถึงผลนั้น
ไม่ใช่เรื่องของผู้รู้ ไม่ใช่เรื่องของปราชญ์
ไม่ใช่เรื่องของผู้รู้โดยอรรถโดยธรรม
ไม่ใช่ผู้ทรงธรรมโดยหลักธรรมชาติแท้ อันเป็นความสำคัญ...”
ความลึกลับซับซ้อนของจิตวิญญาณ (๑๒ เมษายน ๒๕๓๐)
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ รุกขมูลเข้าป่า-เข้าเขา (๒๕๔๔) : หน้า ๒๗.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“...ความสุขทุกข์ในทางโลกใครโกหกกันไม่ได้ เพราะใครก็มีเครื่องรับ(อายตนะ) เหมือนกัน
และจะสุขทุกข์จะต้องผ่านอายตนะด้วยกัน รู้ด้วยกัน เห็นสุขทุกข์ด้วยกัน ที่สุดของสุขทุกข์
ก็แค่ตายเท่านั้น ไม่มีใครสามารถเลยไปได้ ถ้าผู้มีบุญอันได้สร้างไว้ดีแล้ว
ผู้นั้นแล จะมีโอกาสได้เห็นสุขแลทุกข์เยี่ยมกว่าโลกเขาเป็นชั้น ๆ ขึ้นไป จนสามารถข้ามแดนแห่ง
ทุกข์ ถึงบรมสุขคือ พระนิพพานได้แน่ ฉะนั้น ทาน ศีล ภาวนา จึงเป็นทางข้ามแดนแห่งทุกข์ได้โดย
สวัสดี ขอให้พากันอุตสาหะพยายามตามรอยพระพุทธเจ้าเสด็จไป จะเห็นแดนแห่งความอัศจรรย์
ในวันหนึ่งแน่ เอวํ...”
ธรรมะในลิขิต (ฉบับที่ ๓๙)
ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
คัดจากหนังสือ ธรรมะในลิขิต (ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์) : หน้า ๖๑-๖๒.
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น